บ้านของพ่อแม่คือบ้านของลูก แต่บ้านของลูกไม่เคยเป็นบ้านของพ่อแม่

ต้องมีลูก เพราะแก่แล้วจะได้มีคนเลี้ยง เป็นแนวความคิดที่สืบทอดมาแต่โบราณ และเป็น ป ร า ก ฏ ก า ร ณ์ ทางสังคมที่เกิດขึ้นจริง

แต่ในปัจจุบันนี้ เห็นข่าวสวนทางมากมาย คนชราเข้ากับครอบครัวไม่ได้ คุณคิดว่าคำพูดนี้ยังใช้ได้ไหม เรื่องราวด้านล่างนี้จะทำให้คุณค้นหาคำตอบ

มีคุณแม่คนหนึ่ง สามีเสียไปนานแล้ว เธอสอนหนังสือหาเงินเลี้ยงลูกชายจนโต เด็ กชายเป็นคนเชื่อฟังตั้งแต่เด็ก พอลูกโต เธอก็ส่งลูกไปเรียนอเมริกา

พอลูกเรียนจบก็อยู่ทำงานต่อที่ อ เ ม ริ ก า หาเงินซื้อบ้าน แต่งงาน มีลูกหนึ่งคน สร้างครอบครัวที่แสนสุข

คุณแม่คนนี้จึงตัดสินใจว่าจะย้ายไปอยู่กับลูกชาย ลูกสะใภ้และหลานที่อเมริกาหลังเกษียณ มีความสุขในบั้นปลายชีวิตแล้ว แต่เมื่อถึงวันที่เตรียมจะย้าย เธอได้รับ จ ด ห ม า ย จากลูกชายพร้อมเชคมูลค่า 3 หมื่นเหรียญ

ซึ่งในจดหมายมีใจความว่าไม่อยากให้แม่มาอยู่ด้วย แต่ได้ให้เงินเป็นค่าเลี้ยงดูที่ผ่านมา

เธออ่านจดหมายฉบับนั้นจบก็น้ำตาไหลพราก รู้สึกว่าตัวเองเป็นม่ายมาตลอดชีวิต จากนี้ไปต้องแก่ อ ย่ า ง โดดเดี่ยว เธอ เ จ็ บ ป ว ด จนไม่ อ ย า กมีชีวิตอยู่

เวลาต่อมาเธอก็ศึกษาพระพุทธศาสนา หลังศึกษาเธอก็คิดได้ เธอใช้เงิน 3 หมื่นเหรียญเอาไปเดินทางเที่ยวรอบโลก ได้เห็นสิ่งใหม่มากมาย

หลังจากนั้นเธอจึงเขียนจดหมายหนึ่งฉบับถึงลูกชาย ในจดหมายมีใจความว่า ขอบใจลูกสำหรับเงินนั้นที่เธอได้เอาไปท่องเที่ยวและได้เห็นอะไรมากมาย

ทำให้แม่ได้ปล่อยวาง กับความสัมพันธ์ในครอบครัว เพื่อน และคนรักที่ไม่มีรากหยั่งลึก เปลี่ยนแปลงได้เสมอ ถ้าวันนี้แม่ยังคิดไม่ตก ยังยึดติด ยังทุ กข์อยู่ แม่คง ต า ย ไปภายในปีครึ่งปี

การปฏิเสธของลูก ทำให้แม่ได้เห็นว่าคนเรามีวาสนาก็ได้เจอ หมดวาสนาก็จากกัน ทุกอย่างไม่เที่ยงแท้ ทำให้แม่เรียนรู้ที่จะสงบและใจเย็น มองทุกอย่างในเชิงบวก แม่ไม่มีลูกแล้ว ไม่มีอะไรให้เป็นห่วง เพราะงั้นแม่ถึงสามารถอยู่ได้โดยไม่มีมัน

พ่อแม่ที่น่าสงสาร คนเป็นพ่อแม่ อ ย า ก มอบสิ่งที่ดีที่สุดให้ลูก แต่สุดท้ายแล้วสิ่งที่ได้รับกลับไม่ใช่สิ่งที่ดีที่สุด

มีคนกล่าวไว้ว่า บ้านของ พ่ อ แ ม่ คือบ้านของลูกตลอดเวลา บ้านของลูกไม่เคยเป็นบ้านของพ่อแม่ การให้กำเนิดลูกเป็นงานที่ต้องทำ การ เ ลี้ ย ง ดูลูกเป็นภาระหน้าที่ การพึ่งพาลูกเป็น ค ว า ม เข้าใจผิด ช่างเป็นเรื่องราวที่ไม่น่าฟัง แต่ก็ไม่ฟังก็ไม่ได้

แม้ว่าไม่ใช่ลูกทุกคนจะเป็นเหมือนลูกชายในเรื่องที่ไม่มีหัวใจ แต่คนเป็นพ่อแม่ไม่ควรคิดว่าแ ก่แล้วจะพึ่งพาลูก

พูดกันตามตรง แก่แล้วต้องดูแลตัวเอง ลูก ก ตั ญ ญู ต่อคุณถือเป็นบุญ ถ้าลูกกตัญญูไม่พอ พ่อแม่ก็บังคับไม่ได้ วิธีที่ดีที่สุดคือ วางแผนชีวิตพึ่งพาตัวเองตอนแก่ไว้

จากมุม ม อ ง ของสังคม การมีลูกจะได้มีคนเลี้ยงตอนแ ก่เป็นความปรารถในใจ แต่ในยุคปัจจุบัน เศรษฐกิจ สังคม วัตถุนิยม วิถีการดำเนินชีวิตที่เปลี่ยนไป

การที่คนอายุมากยึดแนวความคิดว่ามีลูกจะได้มีคน เ ลี้ ย ง ตอนแก่ไม่เหมาะสมกับอีกต่อไป สิ่งที่ตามมาคือ โศก นาฏ ก ร ร ม

ขอบคุณที่มา L I E K R

Facebook Comments