คำพูดที่บอกว่าหาเงินเท่าไหร่ก็ไม่เคยพอใช้เราได้ยินกันมาตลอดทุกยุคทุกสมัย ไม่ว่าจะเป็นเพราะปัญหาเศรษฐกิจ หรือสิ่งอื่นใด
การหาเงินที่ ย า ก ความไม่สมดุลย์กันระหว่างรายรับกับรายจ่าย เงินเก็บไม่เคยมี ไม่มีโอกาสได้ออมเงิน ทำให้คนมากมายไม่มีเงินเก็บ
ผู้คนส่วนมากเป็น เ พี ย ง คนหาเช้ากินค่ำ ในขณะที่รายจ่ายก็เข้ามาเรื่อยๆ การเปลี่ยนนิสัยการใช้เงินก็เป็นอีกหนึ่งข้อที่หลายคน พ ย า ย า ม ทำ ที่ทุกคนต่างพากันลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นลง
ตัว อ ย่ า ง ที่ดีในการลดกรใช้จ่ายที่เกินตัว เช่น ยกเลิการใช้บัตรเครดิต การยกเลิกสมาชิกฟิตเนส รวมทั้งรายจ่ายที่เสียไปกับการสังสรรค์ กิน เที่ยวอบายมุข ต่างๆ
ซึ่งรายจ่ายต่างๆ เหล่านี้ หากคิดดูดีๆ เรา ส า ม า ร ถ จัดการกับมันได้ เพียงแค่เปลี่ยนวิถีการใช้ชีวิตให้พอดี และพอเพียงกับรายได้ที่เรามี เราก็จะไม่ต้องเหนื่อย และ เ ค รี ย ด กับเรื่องเงินๆ ทองๆ อีก เพียงเพราะการใช้ชีวิตหรือการมีไลฟ์สไตล์ที่ไม่พอดีกับรายรับที่เรามี
ทุกวันนี้โซเชียลทำให้ผู้คนมีความเปรียบเทียบ และ พ ย า ย า ม เลียนแบบพฤติ ก ร ร ม กันเอง จนกลายเป็นการเพิ่มรายจ่ายที่ไม่จำเป็นโดยไม่รู้ตัว
หากเรามองเห็นภาพรวมได้เราจะมองออกว่า ความจริงแล้ว การที่เงินไม่เคยพอใช้ และปัญหาหนี้สินส่วนมากเกิดขึ้น เพราะ กิ เ ล ส ของตัวเราเองที่ต้องการจะมี ต้องการได้มาซึ่งสิ่งที่ไม่จำเป็น
เราไม่จำเป็นที่จะต้องซื้อกาแฟ แก้วละ 100 บาททุกวัน สำหรับบางคนอาจทำได้ เพราะรายได้ของเขามากพอ และรายจ่ายในความรับผิดชอบของเขาไม่สูงมาก แต่หากรายได้ของเราไม่มากพอ แถมรายจ่ายยังเยอะ การใช้เงินเพื่อซื้อไลฟ์สไตล์ตาม เ ท ร น ด์ ก็อาจไม่ใช่สิ่งที่เหมาะกับเราก็ได้
ดังนั้น หากเราเปลี่ยนแปลงวิถีการใช้ชีวิต และเริ่มต้นวางแผนการเงินของเรา อ ย่ า ง ละเอียด ตัดรายจ่ายที่ไม่จำเป็นออกไป ตัด กิ เ ล ส ที่อาจกระทบกับการเงินของเราออกไป และวางแผนการออม การลงทุน ด้วยวิธีต่างๆ เพื่อเริ่มต้น ส ร้ า ง ความมั่นคงให้กับชีวิต
ให้ตั้งเป้าหมายใหม่ด้วยการเก็บออมให้ได้มากที่สุด จนรู้สึกว่าออมเท่าไหร่ก็ไม่พอ จากความคิดเดิมว่า หาได้เท่าไหร่ก็ไม่พอใช้
การกู้ยืมหรือการเป็นหนี้นั้น เราสามารถทำได้ ถ้าเป็นการนำไปลงทุนที่จะได้ผลงอกเงย เช่น การซื้อบ้าน การซื้อประกันระยะ ย า ว เพื่อจะมีหลักประกันในวันที่เราเข้าสู่วัยชรา ถือว่าเป็นการลงทุนที่ควรทำ และควรให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ให้มากๆ
แทนที่จะใช้จ่ายเงินกินเที่ยวไปวันๆตามใจกิเลสของตัวเองไปเรื่อยๆ ให้เรามองไป ย า ว ๆ มองออกไปถึงอนาคตว่าเรา อ ย า ก มีชีวิตแบบไหน และสำรองเงินเอาไว้สำหรับวันนั้น
จงเริ่มต้นจัดสรรเงินเดือนออกเป็นส่วนๆ และคิดว่าควรจ่ายอะไรบ้าง และตามจดบันทึกว่าเราใช้เงินไปกับอะไรบ้าง อะไรที่ไม่จำเป็นก็ค่อยๆตัดออกไป เริ่มต้นประหยัด ไม่นานก็จะ ส า ม า ร ถ มีเงินเก็บก้อนแรกได้
และเมื่อมี ก้ อ น แรกแล้วเราจะมีกำลังใจในการเก็บเงิน ออมเงินเพิ่มขึ้น ช่วยให้เรามีเงินก้อนสำรองใช้ในอนาคต หรือ ตอนฉุกเฉินได้
ทำให้เป็นนิสัย ความเป็นเศรษฐีอยู่ไม่ไกลตัวแน่นอน
ขอบคุณที่มา krustory