บ่ายวันหนึ่ง ผมเลิกงานกลับบ้าน ร้อนจนเหงื่อโชก เปิดตู้เย็นดูพบ แ ต ง โ ม สีแดงแช่เย็นอยู่ครึ่งซีก ดูเย็นฉ่ำน่าอร่อย ด้วยความหิวและ ก ร ะ ห า ย จึงคว้าแตงโมออกมากินจนเรียบ
ต่อมา… ภ ร ร ย า ก็กลับมาถึงบ้าน เข้าบ้านมาก็บ่นกระหายน้ำ… ร้อนมาก !!
เธอเปิดตู้เย็น และชะงัก พร้อมถามหาว่า “แตงโมฉันหายไปไหน…!! ”
ผมบอกเธอว่า “แตงโมซีกนั้นผมกินไปแล้ว.. “สีหน้าเธอมีแววไม่พอใจ อ ย่ า ง แรง
เธอหยิบกระติกน้ำในตู้เย็นขึ้นมา ก็พบว่าในกระติก แ ห้ ง สนิท…!!
เธอพูดขึ้นมาทันที “เธอกลับบ้านมาก่อนทำไมไม่กรอกน้ำเข้าตู้บ้าง… มัวทำอะไรอยู่…? ”
ผมฟังแล้วก็รู้สึกโกรธบ้าง จึงตอบโต้กลับไปว่า.. “แล้วทำไมอะไรๆ ก็ต้องให้ฉันทำ…?”
เราทั้งสองคนโกรธกัน.. ไม่คุยกันอยู่เป็นอาทิตย์…!!
เช้าวันเสาร์… ผมกลับบ้านคนเดียว กลับไปหาพ่อกับแม่ไป
พอเห็นหน้า พ่อกับแม่ก็ถามว่า “ทำไมไม่เห็นเมตตามาเลยอาทิตย์นี้…?” (เมตตาคือชื่อ ภ ร ร ย า ผม)
ผมเล่าเรื่องที่โกรธกันให้ฟัง แม่ฟังแล้วตำหนิผม “ทำอะไรไม่ควรห่วงแต่ตัวเอง ควรใส่ใจคนอื่นบ้าง” ผมไม่เห็นด้วยแค่กินแตงโมไปครึ่งซีก จะอะไรนักหนา
พ่อหัวเราะ “แกไม่ต้องแก้ตัว พรุ่งนี้วันอาทิตย์ พากันมากินข้าวที่นี่นะ”
วันรุ่งขึ้น… ผมพา ภ ร ร ย า และครอบครัวมาหาพ่อกับแม่ พอเข้าบ้าน พ่อก็ใช้ผมไปซื้อน้ำส้มสายชู
พอผมกลับมา… พ่อเห็นผมร้อนเหงื่อท่วมตัว พ่อก็เลยเอาแตงโมครึ่งซีกมาให้ผม แล้วพ่อก็พูดขึ้นว่า… “แกร้อนซะเหงื่อโชก กินแตงโมดับกระหายหน่อยเถอะ ”
แตงซีกนั้นใหญ่ทีเดียว น่าจะหนักราวกิโลสองกิโลได้ ผมหยิบช้อนแล้วก็ตักกินใหญ่ กินไม่ถึงครึ่งก็พุงกาง
หลังกิน อ า ห า ร เที่ยง พ่อเอาแตงโมอีกซีกออกมาวางบนโต๊ะ บอกผมว่า “ แกดูทีซิว่า มันต่างกันตรงไหน…?”
ผมดูอย่างละเอียด… ซีกหนึ่งเป็นซีกที่ผมกินไป ส่วนอีกซีกที่เหลือก็ถูกกินไปด้วย
พ่อชี้ให้ดูแตงแล้ว อ ธิ บ า ย ว่า… “ซีกนี้แกกิน อีกซีกนี่เมตตากิน พ่อบอกแกทั้งสองว่า ถ้ากินไม่หมดให้เหลือไว้
ดูสิว่าเมียแกใช้ช้อนกินยังไง เธอเริ่มตักจากตรงกลาง กินไปถึงขอบครึ่งหนึ่ง อีกครึ่งไม่ถูกแตะต้อง”
“ แล้วดูของแกนี่ แกควักกินเนื้อตรงกลางจนหมด เหลือขอบไว้ให้คนอื่น ใครบ้างที่ไม่รู้ว่าเนื้อแตงโมหวานตรงกลาง…? จากเรื่องเล็กๆ เรื่องนี้ ก็เห็นได้ว่าเมตตามีใจใหญ่กว่าแกมาก ”
ผมหน้าแดงทันที พ่อพูด อ ย่ า ง มีความหมายว่า…
“คนสองคนอยู่ด้วยกันไปตลอดชีวิต จะมีเรื่องสำคัญอะไรนัก…? ความรักความใส่ใจระหว่างผัวเมียอยู่ที่ไหน…?”
“มันก็อยู่ในน้ำมันหยดเดียว… ข้าวช้อนเดียว.. น้ำแกงทัพพีเดียว.. คราวก่อนแกโกรธกันเรื่องกินแตงโม
แล้วยังมีข้ออ้างมากมายทั้งที่เป็นฝ่ายผิด ถ้าเมตตาเป็น ฝ่ า ย กลับถึงบ้านก่อนรับรองว่า เธอจะต้องเก็บไว้ให้แกครึ่งหนึ่ง ”
อย่าคิดว่านี่เป็นเรื่องเล็กที่ไม่สำคัญ… แต่มันสะท้อนให้เห็นธาตุแท้
แตงโมชิ้นเดียวนั่นแหละให้ความรู้ในการใช้ชีวิตประจำวัน
คนต่อให้เย็นชาแค่ไหน แกค่อยๆ ให้ความอบอุ่นมันจะร้อนขึ้นสักวัน
หรือใจที่ต่อให้ร้อนเท่าไร แกสาดน้ำเย็นใส่ทีละช้อน..ทีละช้อน สักวันก็จะทำให้เย็นลงโดยสมบูรณ์
คิดดูนะ ถ้าเมตตาเป็นเหมือนแก ทำอะไรไม่เคยใส่ใจ นานวันเข้า แกจะรู้สึกยังไง?
คำพูดคำเดียวนั้นปลุกคนตื่นโดยแท้…
ผมพบในทันใดว่า… รองเท้าแตะที่วางไว้ให้ทุกวันเมื่อกลับถึงบ้าน
น้ำชาที่ชงไว้ให้… ร่มที่วางหน้าประตู ย า ม ฝนตก ล้วนแล้วแต่เป็นความรักความใส่ใจของเมตตา… แต่ผมกลับไม่เคยเห็น… ไม่รู้จักเอาใจเขาใส่ใจเรา
คิดแล้วก็ละอาย รีบยกชามเกี๊ยวมาให้เมตตา “เธอกินก่อนเถอะ”
เธอหัวเราะ “ไม่ต้องมาทำไก๋ต่อหน้าพ่อกับแม่”
พ่อก็หัวเราะ “ถ้าทำไก๋ อ ย่ า ง นี้ได้ทั้งชีวิตก็ถือว่าเป็นสามีที่ดีนะลูก”
ขอบคุณที่มา c h i t-in