การให้ปุ๋ ย แก่พืชที่รู้จักกันทั่วๆ ไปมี 2 แบบ คือการให้ทางใบ และทางดิน ซึ่งโดยส่วนใหญ่จะให้ทางดิน แต่ปัจจุบันการใช้ปุ๋ ย ทางใบแพร่หลายมากขึ้น โดยเฉพาะการปลูกผักและผลไม้ หากแต่จะใช้เป็นครั้งคราว เนื่องจากเป็นการเสริมการให้ปุ๋ ย ทางดิน
วิธีให้มีแนวทางดังนี้
1.เมื่อสภาพดินมีปัญหา เช่น ดินเป็นก s ดจัด มีความเป็นด่างสูง ดินมีส ภ า พ ของน้ำเค็มที่ท่วมมาถึงในบางเวลา เหล่านี้จะไม่เหมาะให้ปุ๋ยทางดิน เพราะจะได้ประโยชน์จากปุ๋ยไม่เต็มที่
2.การใช้ปุ๋ ย ทางดิน มักมีผลต่อการตกค้างเช่น ในระยะการออกด อ ก ให้ผล หากมีปุ๋ยไนโ ต ร เจนตกค้างสูงพืชจะแตกใบอ่อนแทน
3.บางช่วงพืชอยู่ในวิกฤตขาดธ า ตุ อาหาร ที่จะเห็นชัด การฉีดพ่ น ปุ๋ ยทางใบจะช่วยแก้ไขอาการขาดของธ า ตุ อาหารได้
4.เมื่อระบบรากพืชถูกทำ ล า ย อาจเ นื่ องจากโ s คแ ม ล ง ไ ส้เดือนฝอย หรือความชื้นในดิน ทำให้รากดูดซึมอาหารจากดินไม่ได้
5.ธ า ตุ อาหารเสริมหรือจุลธาตุนั้น จะมีประสิทธิภาพหากฉีดพ่นปุ๋ ย ทางใบ
6.พืชใบเลี้ยงคู่หรือพืชใบกว้าง จะดูดปุ๋ ย เข้าทางใบได้ดีกว่า และมากกว่าพื ช ใบเลี้ยงเดี่ยวหรือใบแคบเพราะมีพื้นที่ใบมากกว่า
วิธีการใช้ปุ๋ ย ทางใบ
การใช้ปุ๋ยทางใบต้องฉี ดพ่ นบ่อย ยิ่งละเอียดมากเท่าใด จะมีโอกาสเข้าสู่ต้นพืชได้ดีมากขึ้น ทั้งนี้ควรผสมส า ร เสริมประสิทธิภาพ หรือส า ร เปียกใบ ส า ร จับใบเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการดูดเกาะปุ๋ ย ที่ใบพืชมากยิ่งขึ้น
น้ำที่นำมาใช้เป็นตัวละล า ยปุ๋ ยต้องสะอาด ไม่ควรมีตะกอน สภาพน้ำเป็นกลางหรือก s ดอ่อน
อัตราส่วนในการผสมของปริมาณปุ๋ ย และน้ำต้องไม่เข้มข้นจนเกินไป หากอากาศร้อนหรือฤดูแล้งควรใช้ปุ๋ ย ในอัตราต่ำกว่าปกติ
ควรฉีดพ่ น ในเวลาเย็น เนื่องจาก ฉีดพ่ นในเวลาเช้า แสงแดดจะทำให้น้ำหรือส า ร ละลายระเ ห ย เร็วกว่าปกติ
ขอบคุณแหล่งที่มา https://www.nectec.or.th
เรียบเรียงโดย pooddee