หลายคนมักจะได้ยินคำพูด จะเรียนไปทำไม ถ้าสุดท้าย ก็ได้งานที่ไม่ตรงสาย
เป็นใครก็ต้องมีคิดมากกับคำพูดนี้บ้างล่ะ เพราะมันกดดันประหนึ่ง่า เรามีทางเลือกแค่ทางเดียวเท่านั้น คือ ทำงานให้ตรงกับสายงาน
ลองเปลี่ยนเป็นความคิดแบบนี้ดีไหม “ฉันทำงานอะไรก็ได้ ไม่ว่าจะตรงสาย หรือไม่ก็ตาม” มันอาจเป็นประโยคหมดหนทางในสายตาบางคน แต่ถ้าคิดดูแล้วมันได้ความสบายใจ และไม่กดดันตัวเอง
เพราะความเป็นจริงของชีวิต คือ
1. มนุษย์ทุกคน มีความสามารถในตัวเอง “แตกต่าง” กันไป เราไม่จำเป็นต้องเก่ง เหมือนกันหมด
2. คนคนเดียวมีความสามารถ ที่หลากหลาย เช่น เป็น ห ม อ แต่ก็เล่นดนตรีเก่ง
3. สิ่งที่เราเรียนมาเป็นสิบเป็นร้อย มันคือ “การหล่อหลอม” หลายๆ อย่าง ให้เราใช้ชีวิตอยู่ในสังคมได้
4. สิ่งที่เรา “เก่ง” ไม่จำเป็นต้องออกมาในรูปแบบวิชาชีพ เช่น ห ม อ วิศวกร พย า บ า ล
มันอาจเป็นพร ส ว ร ร ค์ ก็ได้ เป็นความรู้อะไร ก็ได้ที่เราเอาจริงกับมัน เช่น การทำอาห าร การจัดสวน เป็นต้น
5. มันเป็นเรื่อง ธ ร ร ม ด า ที่มนุษย์เรา จะต้องวิ่งตามหาสิ่งที่ “ใช่” ค่อยๆ เรียนรู้ ค่อยๆ ปรับตัวไป สิ่งที่เรากำลัง สนุกในตอนนี้ บางทีอาจจะยังไม่ใช่ที่ สุ ด สิ่งที่เราเก่งในตอนนี้ก็เป็นได้
6. ม นุ ษ ย์ เราควรมีทางเลือกให้กับชีวิตไว้หลายด้าน หรือ มีแผนสำรองสำหรับชีวิต
เพื่อไม่เป็นการ ปิ ด กั้ น ตัวเองจนเกินไป ความฝัน สิ่งที่ใช่มันอาจเป็นสิ่งที่ได้ดั่งใจในทันที
7. ในรั้วโรงเรียน ต่อให้เราได้เรียนกับอาจารย์ ที่เก่งแค่ไหนขอบ เ ข ต ความรู้มันก็เป็นเพียงความรู้
ในรั้วเท่านั้นโลกของวัยผู้ใหญ่ที่โตขึ้นเรายังต้องรู้เห็นอีกมากเรียนรู้กันอีก ย า ว
ลองผิดลองถูกกันอีกเยอะ บางคนเรียนไม่จบด้วยซ้ำ แต่ประสบความสำเร็จ
เราได้รับมาถึงจะไม่ได้ใช้ในทันที ก็ไม่ควรเสียดาย
ขึ้นชื่อว่า “ความฝัน” ถึงจะยังไม่ใช่ในวันนี้ ใช่ว่าวันหน้า จะเป็นไปไม่ได้ มันอยู่ที่เราล้วนๆว่า รู้ตัวดีหรือไม่ ว่าทำอะไรอยู่ และ พร้อมจะยืด ห ยุ่ น กับ ทุกสถานการณ์ชีวิตรึเปล่า
ขอขอบคุณที่มา j e e b